MAKRO ดีเดย์นำหุ้น PO เข้าเทรด 24 ธ.ค พลิกโฉมธุรกิจรับยุคดิจิทัล

MAKRO ดีเดย์นำหุ้น PO เข้าเทรด 24 ธ.ค พลิกโฉมธุรกิจรับยุคดิจิทัล

MAKRO นำหุ้น PO เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ 24 ธ.ค.64 พร้อมเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ร่วมมือกลุ่มโลตัสส์พลิกโฉมธุรกิจค้าส่ง (B2B) และค้าปลีก (B2C) รับยุคดิจิทัล

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร เปิดเผยว่า แม็คโครเตรียมนำหุ้น PO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธันวาคม 2564 หลังจากเสร็จสิ้นการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น PO เป็นที่เรียบร้อย โดยพร้อมให้ความมั่นใจแก่นักลงทุน เนื่องจากการระดมทุนดังกล่าวได้เพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินให้กับบริษัทฯ

พร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจค้าส่ง (Business to Business หรือ B2B) และค้าปลีก (Business to Consumer หรือ B2C) ในระดับภูมิภาคเอเชีย โดยมองว่าภาพรวมแนวทางหวยลาววันนี้ตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มของสด และสินค้าอุปโภคบริโภค (Fresh and Grocery) ที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึงกว่า 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีแนวโน้มเติบโตต่อไปในระยะยาว โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย มาเลเซีย จีน อินเดีย เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา ที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

หลังจากนี้แม็คโครได้วางยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับกลุ่มโลตัสส์ พัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจที่มีรูปแบบร้านค้าและช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย (Omnichannel) ทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเน้นไปที่ภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน ซึ่งปัจจุบันยังมีอัตราการเข้าถึงธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยจะผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (offline to online หรือ O2O) เพื่อพลิกโฉมธุรกิจรับยุคดิจิทัลและตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น

MAKRO ดีเดย์นำหุ้น PO เข้าเทรด 24 ธ.ค พลิกโฉมธุรกิจรับยุคดิจิทัล

“เราจะใช้ข้อได้เปรียบของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางการส่งออก เพื่อกระจายสินค้าสู่ตลาดโลก โดยการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียนั้น เราพร้อมสนับสนุน SMEs และผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทยให้เติบโตไปด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าไทยสู่ผู้บริโภคในระดับภูมิภาคและสร้างการยอมรับในมาตรฐานสินค้าไทยสู่ระดับสากล พร้อมยกระดับธุรกิจของ SMEs ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อนำเสนอของสดและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fresh and Grocery) ที่ทันสมัย ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบได้” นางสุชาดา กล่าว

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า จากแผนยุทธศาสตร์ขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคเอเชียที่วางไว้ มีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยจะมุ่งพัฒนาระบบนิเวศออนไลน์ (Online ecosystems) ของการค้าปลีกรูปแบบใหม่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการและผู้บริโภค

รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มตลาดซื้อขายแบบ B2B (B2B Marketplace) ของแม็คโคร ที่จะสามารถเพิ่มความหลากหลายในการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีเฉพาะในแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างในการเลือกซื้อสินค้า

โดยวางเป้าหมายเป็นผู้นำแพลตฟอร์มตลาดซื้อขายแบบ B2B (B2B Marketplace) ในประเทศไทย ส่วนการพัฒนาแพลตฟอร์ม B2C มีแผนดำเนินงานภายใต้แนวคิด Fresh Fridge ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารสดผ่านการจัดส่งถึงบ้านภายใน 30 นาที โดยใช้ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของกลุ่มโลตัสส์เป็นคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าออนไลน์ และใช้ร้านค้าขนาดเล็กของกลุ่มโลตัสส์ให้บริการจัดส่งสินค้าเร่งด่วนแบบ On-Demand และเป็นศูนย์กระจายสินค้าออนไลน์

ขยายการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ให้ครอบคลุมการให้บริการจากร้านค้าของกลุ่มโลตัสส์กว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศภายในไตรมาส 1/2565 รวมถึงการพัฒนาระบบนิเวศออนไลน์แบบ B2B2C โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ เช่น ร้านโชห่วย ร้านอาหาร เป็นต้น

 

“เราต้องการยกระดับธุรกิจค้าส่ง (B2B) และค้าปลีก (B2C) ให้รองรับยุคดิจิทัล ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่ง Growth Driver ที่สำคัญ โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว จะอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง การอัพเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันที่ให้บริการแก่ลูกค้า ระบบบริหารคำสั่งซื้อ ระบบรับสินค้า และระบบขนส่งสินค้า ซึ่งจะมีทั้งการจัดส่งแบบเร่งด่วน (On-Demand Delivery) จัดส่งในวันถัดไป (Next-Day Delivery) และสั่งซื้อพร้อมรับสินค้าเอง (Click-and-Collect) โดยวางเป้าหมายในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15 – 20 ของยอดขายรวม” นายสมพงษ์ กล่าว