สัญญาณธุรกิจฟื้น ผู้ประกอบการแตะเบรกเข้าโกดังพักหนี้

สัญญาณธุรกิจฟื้น ผู้ประกอบการแตะเบรกเข้าโกดังพักหนี้

ธปท.อัพเดตยอด “พักทรัพย์ พักหนี้” ล่าสุดเข้าโครงการ 288 ราย วงเงินสินเชื่อเฉียด 4 หมื่นล้านบาท เผยมีทั้ง “โรงแรม-โรงพยาบาล-โรงงาน-สปา-ร้านอาหาร” คาดแนวโน้มเข้าโครงการไม่เพิ่มมาก หลังมีสัญญาณธุรกิจทยอยฟื้นตัว หนุนผู้ประกอบการเปลี่ยนใจไม่แช่แข็งหนี้ “กสิกรไทย” แจงมีลูกค้าเข้าโครงการแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท ระบุปีนี้โรงแรมขนาด 200-300 ล้านบาทยังสนใจเข้าร่วม

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ความคืบหน้าโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ตัวเลขล่าสุดจนถึง ณ วันที่ 21 ก.พ. 2565 มียอดอนุมัติเข้าโครงการ 39,485 ล้านบาท จำนวนผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 288 ราย โดยจากการสอบถามสถาบันการเงินพบว่า ยังมีผู้ประกอบธุรกิจหลายแห่งให้ความสนใจและอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งจะมีตัวเลขเข้ามาเพิ่มทุกสัปดาห์

ทั้งนี้ กลุ่มที่เข้าร่วมโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ด้วย เช่น โรงงาน โรงพยาบาลที่เปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ธุรกิจสปา และร้านอาหาร เป็นต้น

“ภายหลังจากการเปิดประเทศ ก็มีลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจจำนวนหนึ่งที่อยู่ระหว่างเจรจาและกำลังจะตกลงเข้าร่วมโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เกิดเปลี่ยนใจไม่ขอเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกิจการที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกค้ายังคงต้องการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในธุรกิจ เช่น ที่ดินและโรงแรมของตัวเองอยู่ ดังนั้น แนวโน้มการใช้วงเงินในโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ หลังจากนี้คงไม่ได้เพิ่มสูงมาก เนื่องจากลูกค้าหรือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักจากการระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ระลอกแรกได้ทยอยเข้าโครงการหมดแล้ว”

นางสาวสุวรรณีกล่าวว่า ธปท.ประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยเข้ามามากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ดังนั้น ความต้องการเข้าโครงการพักทรัพย์ พักหนี้น่าจะน้อยลงไปอีก จากปัจจุบันเข้าโครงการประมาณ 40% ของวงเงินทั้งหมดที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาท

นายชัยยศ ตันพิสุทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้ากสิกรไทยที่ได้รับการอนุมัติจาก ธปท.ให้เข้าพักทรัพย์ พักหนี้ จำนวน 77 ราย คิดเป็นวงเงิน 15,638 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าของกสิกรไทยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% หรือ 2 ใน 5 ของวงเงินที่ ธปท.อนุมัติทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงแรม อย่างไรก็ดี ปีนี้แนวโน้มลูกค้าที่ต้องการเข้าโครงการน่าจะทรงตัวหรือน้อยลงจากปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงลูกค้าบางรายยังคงมีความเป็นเจ้าของในทรัพย์สิน จึงไม่อยากเข้าโครงการ

“ตอนนี้ยังมีลูกค้าธุรกิจโรงแรมที่ให้ความสนใจจะเข้าโครงการอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาด 200-300 ล้านบาท แต่คิดว่าคนที่สนใจเข้าโครงการอาจจะน้อยกว่าปีก่อน เพราะรอดูสถานการณ์เปิดประเทศ เป็นปีที่เก็บตกคนที่ประคองไม่ไหวจริง ๆ ประกอบกับก่อนหน้านี้พักทรัพย์ไป 1.5 หมื่นล้านบาท ถือว่าค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับทั้งระบบที่ราว 4 หมื่นล้านบาท”

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ลูกค้ากรุงไทยมีเข้าโครงการพักทรัพย์ พักหนี้พอสมควร โดยธนาคารไม่ได้จำกัด เพราะเป็นเครื่องมือช่วยลดภาระลูกค้า ที่สามารถใช้ได้ตลอด แต่หากสัญญาณการทำธุรกิจทยอยดีขึ้น และสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ ลูกค้าก็อาจจะไม่ได้มาเข้าโครงการนี้

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า มีลูกค้าที่เข้าโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ประมาณ 1,400 ล้านบาท จากพอร์ตธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์และอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าบางส่วนเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สามารถกลับมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้บางส่วน หรือบางรายสามารถมีรายได้เพียงพอสามารถเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้ เช่น ค่าใช้จ่ายสถานที่ ค่าจ้างพนักงาน เป็นต้น

“ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม อาจจะลำบากกว่ากลุ่มธุรกิจรายย่อย หรือธุรกิจเช่าซื้อ ที่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวได้เลยตามความสามารถของลูกค้า แต่กลุ่มธุรกิจโรงแรมไม่สามารถรู้ว่าจะต้องปรับโครงสร้างระยะยาวขนาดไหน ดังนั้น ธนาคารจึงเน้นให้การช่วยเหลือต่อเนื่องหากสถานการณ์ยังไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้” นายอภินันท์กล่าว

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance