ชำแหละ 9 หุ้น ขุดเหมืองคริปโตปี 65 ยับยู่ยี่ (ดิ่ง 25-70%) ในวันที่กระแสจาง

ชำแหละ 9 หุ้น ขุดเหมืองคริปโตปี 65 ยับยู่ยี่ (ดิ่ง 25-70%) ในวันที่กระแสจาง

หุ้นขุดเหมืองบิทคอยน์ เคยเป็นกลุ่มหุ้นที่มาแรงแซงทางโค้ง ปั่นราคาได้ทะลุ และลากลงมาแบบดิ่งเหวหลายครั้ง ซึ่งช่วงหลังๆ ถูกมองว่าหมดรอบเก็งกำไรแล้ว และราคาที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา เท่ากับคืนสู่สามัญ มูลค่าที่แท้จริงของแต่ละบริษัท นั่นเอง

1.ZIGA (บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น) ร่วงหนัก -70.93% ปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 24.60 บาท (18 ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 7.15 บาท (24 ก.พ.65) ลดลงไป 17.45 บาท หรือ -70.93% ส่วนผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +97.67% (ปี 64 +51.41%), รอบ 5 วัน คือ -54.05% ZIGA มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 1,476.80 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 2,635.67 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 5,210.04 ล้านบาท, ค่า P/E (ปี63) 17.14 เท่า, (ปี64) คือ 13.71เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ25.51 เท่า

ความเคลื่อนไหวล่าสุด ผนึกพันธมิตรร่วมทุน ตั้ง 2 บริษัทย่อย เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงการลงทุนธุรกิจที่ให้บริการทางการเงิน เร่งเพิ่มศักยภาพเหมืองขุดบิตคอยน์ต่อยอดธุรกิจ Digital Technology

2.JTS (บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น) ร่วงหนัก -50.31% โดยปี 65 ราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 322.00 บาท (22 ก.พ.65) แล้วดิ่งลง 160.00 บาท (24 ก.พ.65) ลดลงไป 162.00 บาท หรือ -50.31% ,ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +76.34% (ปี 64 ทะลุ+6,687.56%), รอบ 5 วัน คือ -12.17% JTS มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 1,363.46 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 92,545.91 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 163,191.64 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) 1.36 เท่า, (ปี64) คือ 152.47 เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ738.28 เท่า

“สุนันท์ ศรีจันทรา” คอลัมนิสต์ดัง เขียนบทความระบุ “JTS เป็นจ่าฝูงของบริษัทจดทะเบียนที่โหนกระแสตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ และ เกมปั้นข่าวตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ และปั่นราคาหุ้นปิดฉากลงแล้ว พร้อมกับงานเผาหุ้น JTS ซึ่งถึงคราวสิ้นฤทธิ์ปิดฉากโดยสมบูรณ์

3.UPA (บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย) ราคาร่วงหนัก -40.54% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 0.74 บาท (18ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 0.44 บาท (23ก.พ.65) ลดลงไป 0.30 บาท หรือ -40.54%, ผลตอบแทนราคย้อนหลัง YTD + 54.05% (ปี 64 คือ + 82.13%), รอบ 5 วัน คือ -17.39% มี Market Cap สิ้นปี63 อยู่ที่ 2,127.37 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่3,748.23 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 7,484.30 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) N/A เท่า, (ปี64)คือ N/A ,ล่าสุด (25 ก.พ.65)คือ N/A

ความเคลื่อนไหวล่าสุดบริษัท ประกาศเข้าลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศลาวแจ้งความคืบหน้าในช่วงกลางเดือนก.พ.2565 ที่ผ่านมา ในส่วนของวงเงินลงทุนที่ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 817.7 ล้านบาท ในเครื่องขุดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี กำลังแรงขุด 8,000 เครื่อง

4.AJA (บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี) ราคาร่วงหนัก -39.24% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 0.79 บาท (14ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 0.48 บาท (24 ก.พ.65) ลดลงไป 0.31 บาท หรือ -39.24%, ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD -13.03% (ปี 64 คือ+ 425.00%),รอบ 5 วัน คือ -13.11% มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 508.84 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 2,992.61 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 2,608.14 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) N/A เท่า, (ปี64) คือ N/A เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ N/A เท่า

บริษัทประกาศเมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2564 ว่า จะเข้าลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองบิตคอยน์ โดยทยอยจัดซื้อเครื่องขุดฯ จำนวน 200 เครื่อง งบลงทุนรวมไม่เกิน 900 ล้านบาท

5.CWT (บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป) ราคาร่วงหนัก -37.69% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 5.20 บาท (22 ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 3.24 บาท (24 ก.พ.65) ลดลงไป 1.9บาท หรือ -37.69%, ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD -2.26% (ปี 64 คือ +47.50%), รอบ 5 วัน คือ +8.12% มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 1,512.25 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 2,230.57 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 2,180.16 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) 23.65 เท่า, (ปี64) คือ10.72 เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ 10.47 เท่า

บริษัทประกาศบริษัทลูกดำเนินการขอเพิ่มวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และศึกษาการนำกำลังผลิตส่วนเกินที่เหลืออยู่ของพลังงานหมุนเวียนมาใช้เป็นกรีน บิตคอยน์ ไมนิ่ง และไม่มีรายละเอียดว่า จะลงทุนในเหมืองขุดบิตคอยน์วงเงินเท่าไหร่ มีเครื่องขุดจำนวนกี่เครื่อง

6.ECF (บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค) ราคาร่วงหนัก -31.30% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 2.46 บาท (14 ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 1.69 บาท (24 ก.พ.65) ลดลงไป 0.77 บาท หรือ -31.30%, ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD -6.84% (ปี 64 คือ+42.86%),รอบ 5 วัน คือ -14.08% มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 1,276.12 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 1,823.03 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 1,698.29 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) 22.70 เท่า, (ปี64) คือ 46.15 เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ 33.40 เท่า

ECF เผยผลประกอบการปี 2564 รายได้ 1,600.80 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50.85 ล้านบาท โต 23.54% เล็งจ่ายปันผลหุ้นละ 0.0157 บาท

7.COMAN (บมจ.โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล) ราคาร่วงหนัก -30.06% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 7.65 บาท ( 18 ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 5.35 บาท (24 ก.พ.65) ลดลงไป 2.30 บาท หรือ -30.06%, ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD -19.86% (ปี 64 คือ +196.22%), รอบ 5 วัน คือ -14.39% ,มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 318.92 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 944.70ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 757.10 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) 656.77 เท่า, (ปี64) คือ N/A เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ N/A เท่า

บริษัทตั้งบริษัทย่อย “โคแมน คริปโต” มูลค่า 60 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจขุดคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งอุปกรณ์หลักที่บริษัทลงทุนประกอบด้วย เครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซี (“RIG”) จำนวน 140 RIG โดยใช้การ์ดจอรุ่น RTX 3070 จำนวน 8 การ์ดต่อ 1 RIG

8.SCI (บมจ.เอสซีไอ อีเลคตริค) ราคาร่วงหนัก -28.62% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 2.76 บาท( 22 ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 1.97 บาท (24ก.พ.65) ลดลงไป 0.79 บาท หรือ -28.62%, ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +15.38% ปี64 คือ +37.88%, รอบ 5 วัน คือ -1.87%,มี Market Cap สิ้นปี 63 อยู่ที่ 990.00 ล้านบาท, สิ้นปี 64 อยู่ที่ 1,365.00 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 1,575.00 ล้านบาท, ค่าP/E (ปี63) N/A เท่า, (ปี64) คือ N/A เท่า , ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ 455.90 เท่า

บอร์ดไฟเขียวตั้งบริษัทย่อยเตรียมลุยธุรกิจใหม่ทั้งกัญชง Tech company เหมืองขุดคริปโตฯ

9.PROEN (บมจ.โปรเอ็น คอร์ป) ราคาร่วงหนัก -25.89% โดยในปี 65 นั้นเคยทำราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 9.85 บาท (18 ก.พ.65) แล้วดิ่งเหวลงไปถึง 7.30 บาท (23 ก.พ.65) ลดลงไป 2.55 บาท หรือ -25.89% , ผลตอบแทนราคาย้อนหลังYTD +9.79% (ปี 64 คือ +120.00%), รอบ 5 วัน คือ -15.59% ,มี Market Cap สิ้นปี 64 อยู่ที่ 2,259.40 ล้านบาท, ปัจจุบัน (25 ก.พ.65) 2,480.60 ล้านบาท, (ปี64) คือ 103.72 เท่า ,ล่าสุด (25 ก.พ.65) คือ 113.88 เท่า

บอร์ดบริษัทอนุมัติให้บริษัท ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัท โดยการเพิ่มวัตถุประสงค์อีก 18 ข้อเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเพิ่มเติมของบริษัท โดยจะประกอบกิจการที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล คริปโทเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล

เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทั้ง 9 หลักทรัพย์นี้มีผลประกอบการด้านราคาหุ้นในปี 64 เป็นบวกทุกตัว สูงสุดคือ JTS +6,687.56% และ ต่ำสุดคือ SCI +37.88 % แต่พอขึ้นปี 65 หุ้นดาวรุ่งเหล่านี้ดูจะไม่สดใส และต้องจับตาว่าเหลืออีก 10 เดือนจะดีดตัวขึ้นมาได้อีกหรือไม่ หรือจบแล้วจบเลย!

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket